Translate

Total Pageviews

Story of any monk

 เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง




พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์  ทรงปรารภภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  โย  เว  อุปฺปติตํ  โกธํ  เป็นต้น

แต่เดิมผู้บวชแล้วต้องอยู่โคนต้นไม้หรือถ้ำาเขา   ต่อมาพระศาสดาทรงอนุญาตให้ภิกษุมีเสนาสนะกุฎีวิหารเป็นที่อยู่อาศัยได้  และพวกคฤหัสถ์ชาวบ้านมีเศรษฐีชาวกรุงราชคฤห์เป็นต้น  ก็ได้เริ่มก่อสร้างเสนาสนะต่างๆเหล่านั้นถวายภิกษุสงฆ์    มีภิกษุชาวเมืองอาฬวีรูปหนึ่ง   ต้องการสร้างวัดด้วยตนเอง  จึงเข้าไปในป่าเพื่อตัดต้นไม้   เดินไปเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งก็รู้สึกพึงพอใจ  เงื้อขวานขึ้นจะตัด   เทวดาที่สถิตอยู่ที่ต้นไม้(รุกขเทวดา) กำลังมีลูกอ่อน  อุ้มบุตรเข้าสะเอว  มายืนอ้อนวอนว่า “พระคุณเจ้า  ขอท่านอย่าตัดวิมานของข้าพเจ้าเลย  ข้าพเจ้าไม่มีที่อยู่  ไม่อาจอุ้มบุตรเที่ยวเร่ร่อนไปได้”

ภิกษุนั้นเห็นว่าต้นไม้ต้นนั้นเท่านั้นเหมาะที่จะตัด  จึงไม่ยอมฟังความของเทวดา  เทวดาจึงใช้วิธีการที่จะให้ภิกษุนั้นใจอ่อน  โดยรีบนำบุตรไปแขวนไว้ที่กิ่งไม้   พระภิกษุเงื้อขวานขึ้นแล้วยั้งมือไม่ทัน  คมขวานเลยไปถูกแขนของทารกลูกของเทวดาขาด  เทวดาโกรธมาก ได้ยกมือทั้งสองขึ้นด้วยหมายใจว่าจะฟาดภิกษุนั้นให้ตาย  แต่ก็ยั้งมือไว้ทัน ด้วยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า  ภิกษุนี้เป็นผู้มีศีล  ถ้าเราฆ่าภิกษุนี้  ก็จักไปเกิดในนรก  พวกเทวดาอื่นๆ ที่พบภิกษุมาตัดต้นไม้ของตนบ้าง ก็จะเอาเราเป็นตัวอย่าง  เข่นฆ่าภิกษุทั้งหลายเหมือนกัน  แต่ภิกษุนี้มีเจ้าของ  ทางที่ดีเราควรไปหาคนที่เป็นเจ้าของนั้น  คิดแล้วรุกขเทวดานั้น  ก็ร้องไห้ไปเฝ้าพระศาสดา  ถวายบังคมแล้วกราบทูลเรื่องราวตั้งแต่ต้น  แม้จนกระทั่งความคิดของตนเองที่ข่มใจโกรธไม่ทำร้ายภิกษุรูปนั้น  พระศาสดาตรัสว่า  “ถูกแล้วๆ   เทพดา  เธอข่มความโกรธที่เกิดขึ้นอย่างนั้นไว้อยู่  เหมือนห้ามล้อรถกำลังหมุนไว้ได้  ชื่อว่าทำความดีแล้ว”

จากนั้น  พระศาสดาตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

โย  เว  อุปฺปติตํ  โกธํ
รถํ  ภนฺตํว  ธารเย
ตมหํ  สารถึ  พฺรูมิ
รสฺมิคาโห  อิตโร  ชโน  ฯ

ผู้ใดแลสะกดความโกรธที่พลุ่งขึ้น
เหมือนคนห้ามรถที่กำลังแล่นไปได้
เราเรียกผู้นั้นว่า สารถี
ส่วนคนนอกนี้เป็นเพียงผู้ถือเชือก.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง    รุกขเทวดา บรรลุโสดาปัตติผล  พระธรรมเทศนา  มีประโยชน์แม้แก่บริษัทที่ประชุมกันแล้ว

รุกขเทวดานั้น  แม้ว่าจะเป็นพระโสดาบันแล้ว  ก็ยังยืนร้องไห้อยู่  พระศาสดาตรัสถามถึงสาเหตุที่ยังร้องไห้อยู่นั้น  เมื่อทราบความว่าอยากจะได้ต้นไม้ที่จะใช้สิงสถิตต้นใหม่  พระศาสดาจึงทรงชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ใกล้กับพระคันธกุฎี  ตรัสว่า “ ต้นไม้ต้นโน้นว่าง  เธอจงเข้าไปสถิตเถิด”  รุกขเทวดาก็ได้เข้าไปสถิตที่ต้นไม้นั้น  และไม่มีเทวดาองค์ใดมาแย่งชิงต้นไม้ต้นนี้ไปจากรุกขเทวดานั้นได้  เพราะต่างทราบดีว่า “เป็นวิมานของเทวดานี้  อันพระพุทธเจ้าประทาน”  นอกจากนั้นแล้ว  พระศาสดาก็ยังทำเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ  ทรงบัญญัติภูตคามสิกขาบท  ห้ามภิกษุทั้งหลายพรากของเขียว ไม่ว่าจะเป็น ผัก หญ้า  ต้นไม้  ที่ยังมีชีวิตเขียวสดอยู่  ภิกษุใดละเมิดต้องอาบัติ.

No comments:

Post a Comment

Add your comment here.